หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Bit of knowledge.เกร็ดความรู้


ไขความรู้ 12 นักษัตร

            หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมหนึ่งรอบนักษัตรจึงมี 12 ปี และเพราะเหตุใดจึงนำสัตว์มาเป็นสัญลักษณ์ประจำปี ผมจึงอยากจะไขข้อข้องใจให้ทราบ ด้วยตำนานสนุกๆของแต่ละชนชาติมาเล่าให้ทราบโดยทั่วกันครับ
            เพราะเหตุใด 1 หนึ่งรอบนักษัตรจึงมี 12 ปี
            ชาวจีนได้เล่าที่มาของเรื่องนี้ในพงศาวดารเรื่อง ไคเภ็ก ว่ามนุษย์คนแรกนั้นถือกำเนิดมาจากก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วแตกออกเป็นหินก้อนเล็กๆ 13 ก้อน จากนั้นก้อนหินแต่ละก้อนได้กลายเป็นผู้ชาย 13 คน คนที่เกิดจากหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีนามว่า เทียนอ่องสี ซึ่งได้รับการยกย่องจากน้องๆทั้ง 12 คน ให้เป็นกษัตริย์องค์แรก ส่วนน้องชายแต่ละคนก็ได้รับการนำชื่อไปตั้งเป็นชื่อปี เมื่อครบ 12 ปีจึงนับเป็น 1รอบ
            ที่มาของสัตว์สัญลักษณ์ประจำปีนักษัตร
          ชาวไทลื้อซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่าไทที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจีน มีตำนานเล่าถึงสาเหตุของการนำชื่อสัตว์มาตั้งเป็นชื่อปีควบคู่ไปกับตำนานสงกรานต์ว่า ครั้งเมื่อพระพรหมถูกตัดเศียร ธิดาของพระพรหมทั้ง 12 นาง ก็ได้มีหน้าที่อัญเชิญเศียรของพระพรหมออกแห่ในวันสงกรานต์ของทุกปี โดยธิดาแต่ละนางจะมีสัตว์ที่เป็นพาหนะแตกต่างกัน ได้แก่ หนู วัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา และหมู ชาวไทลื้อจึงนำเอาชื่อสัตว์เหล่านั้นมาตั้งเป็นชื่อปี
            เพราะเหตุใดหมูจึงเป็นปีสุดท้าย
          มีนิทานอันเป็นที่รู้จักกันทั้งในหมู่ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเล่าว่า เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้น บรรดาเหล่ามนุษย์และสัตว์ต่างก็รีบร้อนวิ่งแข่งกันไปเฝ้าพระบรมศพ ซึ่งอันที่จริงแล้ววัววิ่งนำหน้าสัตว์อื่นๆ แต่เมื่อไปถึงที่หมาย หนูซึ่งแอบเกาะหลังวัวได้กระโจนข้ามหัววัวไป จึงกลายเป็นสัตว์ชนิดแรกที่ได้เฝ้าพระบรมศพ หนูจึงได้รับการยกย่องให้เป็นสัตว์ประจำปีแรกของรอบปี ตามมาด้วยวัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา และหมูซึ่งมาถึงเป็นลำดับสุดท้าย
            มีปีหนู แต่ทำไมถึงไม่มีปีแมว
          นิทานของชาวจีนและญี่ปุ่นเล่าว่า ขณะที่สัตว์ต่างๆรีบร้อนจะไปเฝ้าพระบรมศพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แมวมัวแต่นอนหลับอยู่จึงไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย แต่กระนั้นในชื่อปีนักษัตรของเวียดนามกลับปรากฎชื่อ “ปีแมว” แทนปีกระต่าย
            ชาวล้านนาบอกว่าปีหมูคือปีช้างต่างหาก
            คนไทยล้านนาไม่มีปีกุน แต่กลับมีปีช้างหรือที่ภาษาล้านนาเรียกว่า เปิ้งจ๊าง แทน ทั้งนี้ก็น่าจะเนื่องมาจากชาวล้านนาเรียกชื่อปีตามแบบอินเดีย ซึ่งใช้ช้างเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำปีสุดท้ายในรอบปีนักษัตร ชาวล้านนายังเชื่ออีกว่าพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีช้าง ได้แก่ พระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย
            นิทานไทย
            ชนชาติไทยก็มีนิทานเล่ามูลเหตุการณ์ของการนำชื่อสัตว์ 12 ชนิด ไปตั้งเป็นชื่อปีเช่นกัน ใน “ตำราเฉลิมไตรภพ” เล่าว่าพระอิศวร พระแม่อุมา พระพรหม และพระนารายณ์ดำริว่าจะกำหนดวันเวลาให้แก่มนุษย์ จึงได้สร้างสัตว์ 12 ชนิด เริ่มจากหนู วัว เสือ เป็นลำดับไปจนถึงหมู แล้วใช้ชื่อของสัตว์เหล่านั้นเป็นชื่อเรียกปีแต่ละปี

            การที่ชนชาติในเอเชียหลายกลุ่มต่างก็นำสัตว์มาเป็นสัญลักษณ์ประจำปีนักษัตร แสดงให้เห็นว่าชนชาติต่างๆนั้นได้ติดต่อสัมพันธ์กัน จึงได้มีนิทานอธิบายที่มาของชื่อปีที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนั้นการผูกนิทานขึ้นมาอธิบายเรื่องเหล่านี้ตลอดจนการทำนายดวงชะตาของผู้ที่เกิดในปีนักษัตรต่างๆ ยังสะท้อนถึงจินตนาการของมนุษย์ ในการอธิบายความคิดความเชื่อที่ส่งผลต่อชีวิตอีกด้วย
ผมหวังว่าจะไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้ทราบไม่น้อยนะครับ หากผู้อ่านมีความคิดเห็นหรือความรู้เพิ่มเติม สามารถแสดงความคิดเห็นให้ผมและผู้อ่านท่านอื่นทราบได้ครับ

อ้างอิงจาก สารบ้านคา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น