หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

IQ ??? ( Part. 1 )

     หลายคนอาจสงสัยว่า IQ สูงแปลว่าเราฉลาดมาก หรือ เราฉลาดมากเลย IQ สูงกันแน่ มาอ่านบทความนี้ให้หายข้องใจกันดีกว่า

นิยามความฉลาด

     ความฉลาด คือ ...

     คำว่า "ฉลาด" มีคนให้นิยามความหมายไว้มากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ความฉลาด คือ ความสามารถของมนุษย์ที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวและติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งแบ่งเป็นความฉลาดในเชิงวิชาการกับความฉลาดทางอารมณ์ ที่ควรจะมีควบคู่กันไปจึงจะสมดุลเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุข

     จริงๆแล้วความหมายของความฉลาดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก ว่าฉลาดในเรื่องอะไร ซึ่งทำให้เราเห็นความสามารถของแต่ละคนที่แสดงออกมา เช่น กีฬา ดนตรี ทำอาหาร งานช่าง วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา เป็นต้น

     IQ คือ ...

     IQ ย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึง เชาว์ปัญญาหรือความฉลาดทางปัญญา เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้จากการทำแบบทดสอบที่วัดความสามารถทางด้านความจำ การคำนวณ เป็นต้น แต่ไม่ได้วัดความสามารถในด้านอื่นๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การทำงาน หรือทักษะในชีวิตประจำวันแต่อย่างใด IQ เป็นศักยภาพทางสมองที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากัน แต่สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ หากอยู่ในสภาวะการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนอย่างเหมาะสม ได้รับประสบการณ์การศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติม มีโอกาสในการฝึกฝน รวมทั้งสภาพทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และครอบครัวที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาความฉลาด


     IQ กับความฉลาดเหมือนกันหรือไม่ ???

     คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด รู้แค่เพียงว่าความฉลาดของเรายากที่จะวัดได้อย่างแน่ชัด ดังนั้น IQ จึงเสมือนดังตัววัดที่เป็นมาครฐานสากล และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่า หากมีระดับ IQ สูงแสดงว่าคนคนนั้นน่าจะมีระดับสติปัญญาสูง แต่ก็ไม่สามารถใช้ระดับ IQ ที่สูงเป็นตัววัดระดับความฉลาดในการใช้ชีวิตประจำวันได้ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นไม่ต้องคิดมากหาก IQ ของคุณจะสูงหรือต่ำ

เค้าโครงจาก              
หนังสือ เพิ่มพลัง IQ แบบอัจฉริยะ
( ลุงไอน์สไตน์)            



    

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Energy conservation.อนุรักษ์พลังงาน

ตัวอย่างง่ายๆ
หยุด!! ภาวะโลกร้อน

                ประหยัดการใช้พลังงานทุกชนิด โดยเฉพาะไฟฟ้า เพราะเชื้อเพลิงสำคัญในการผลิตไฟฟ้า คือ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ล้วนแต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อภาวะเรือนกระจกทั้งสิ้น


                คิดก่อนจะซื้อสิ่งของ เพราะการผลิตและการขนส่งสินค้าเกือบทุกชนิด ล้วนแต่ใช้พลังงานทั้งสิ้น ก่อนจะซื้ออะไรลองถามตัวเองว่า สิ่งนั้นจำเป็นเพียงใด หรือลองเปลี่ยนจากการซื้อของใหม่เป็นการซ่อมหรือใช้ของมือสองแทน


                ลดการกินทิ้งกินขว้าง เพราะเศษอาหาร และของที่บูดเน่า เมื่อไปทับถมอยู่ที่กองขยะจะกลายเป็นแหล่งผลิตก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง


                บริโภคของที่ผลิตในประเทศ เพราะการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ย่อมต้องสินเปลืองพลังงานในการขนส่ง การกินอาหารท้องถิ่นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า เช่น หันมากินปลาทูแทนปลาแซลมอน เพราะนอกจากราคาถูก และทำให้เงินทองไม่รั่วไหลออกนอกประเทศแล้ว ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย


                พกขวดน้ำติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทาง ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิตมหาศาล แถมยังทำให้เกิดขยะล้นโลก และในการกำจัดขยะก็ต้องใช้พลังงานอีกต่างหาก

KK.

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Beast.สัตว์ป่า

พญาลอ สัญลักษณ์แห่ง ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่


                ในผืนป่าอันยิ่งใหญ่และสมบูรณ์สุดขีดของดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มรดกโลกแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยนั้น นอกจากจะงดงามด้วยภูมิทัศน์และน้ำตกสวยงามมากมายแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมแห่งความหลากหลายทางชีวภาพอันสูงสุด
ไม่ว่าจะเป็นพรรณพืช สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน แมลง สัตว์น้ำ รวมทั้งนกที่พบได้เกือบ 400 ชนิด หรือประมาณเกือบๆ ครึ่งหนึ่งของชนิดนกที่มีทั้งหมดในประเทศ แม้ว่าจะมีนกหายากหรือนกสีสวยๆ อยู่มากมายก็จริง อย่างนกกาฮัง เงือกกรามช้าง หรือแต้วแร้ว แต่นกที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ตัวจริงก็คือ พญาลอ หรือ Siamese Fireback นกในตระกูลไก่ฟ้าและนกกระทา (Pheasants) ที่สวยเด่นที่สุดชนิดหนึ่งของไทย
                พญาลอ หรือบางครั้งก็เรียกชื่อเต็มๆ ว่า ไก่ฟ้าพญาลอนั้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lophura diardi เป็นนกในวงศ์ Phasianidea ที่ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของเหล่าไก่ทรงสุ่ม (Gallopheasants) ซึ่งมีอยู่เพียง 2 สกุล (Genus) คือ Lophura หรือไก่ฟ้า และ Gailus หรือไก่ป่า โดยพบในเมืองไทยทั้งหมด 5 ชนิด และเจ้าพญาลอนี้ก็เป็นไก่ฟ้าตัวที่ได้รับการยกย่องว่า มีรูปร่างเพรียวงามสมส่วนที่สุดด้วย ขนาดและความยาวของนกตัวผู้จะอยู่ที่ประมาณ 70-80 ซม. (เฉพาะความยาวของหางเพียงอย่างเดียวก็ 39 ซม.) ส่วนนกตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าที่ 53-60 ซม. เท่านั้น
                ความโดดเด่นของนกตัวผู้จะอยู่ที่หนังบนใบหน้าที่เป็นสีแดงสด ตัดกับปากสีเหลือง และสีขนตามลำตัว ซึ่งเป็นสีเทาอมฟ้า ส่วนท้องกับก้นเป็นสีดำ มีแถบลายดำ ขอบขาวที่บริเวณหัวปีก ในขณะที่หลังเป็นสีเหลือง ส้มสดใสมันแวววาว สะโพกและขนคลุมหางตอนบนเป็นสีแดงคล้ำประดับด้วยขนสีฟ้าเหลือบม่วงเป็นลายเกร็ดอย่างงดงามหมดจด รับกันอย่างเหมาะเจาะกับขายาวสีแดงอมชมพู และหางเรียวยาวสีดำเหลือบเขียวเป็นมัน ซึ่งที่ปลายหางจะตวัดงอเป็นทรงสุ่มไก่ ส่วนนกตัวเมียก็ถือว่าสวยกว่านกตัวเมียชนิดอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ด้วยลายดำสลับขาวพาดขวางที่หลัง ปีกและหางตัดกับคอสีขาวและลำตัวที่เป็นสีน้ำตาลอมแดงนิดๆ
                นิสัยของไก่ฟ้าพญาลอรูปงามนี้ ชอบอยู่ตามที่ราบหรือบริเวณเชิงเขาที่เป็นป่าดงดิบ ที่ความสูงไม่เกิน 800 ม. พบหากินเป็นฝูงเล็กๆ ประมาณ 5-7 ตัว ทำรังและวางไข่ในช่วงหน้าร้อนไปจนถึงช่วงต้นฤดูฝน จากเดือน เม.ย. ถึงเดือน มิ.ย. ของปี ไข่ครั้งละ 4-8 ฟอง ไข่เป็นสีน้ำตาลอมเหลืองซีด ที่สำคัญก็คือ พญาลอ ยังมีความเป็นพิเศษเฉพาะในเรื่องของสัตว์เฉพาะถิ่นในภูมิภาค หรือ Rrgional Endemic ที่มีถิ่นแพร่กระจายเป็นวงแคบๆ อยู่เฉพาะในไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพียง 4 ประเทศนี้เท่านั้น
                อีกประการหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ พญาลอเป็นนกเพียงชนิดเดียวของไทย ที่ได้รับเกียรติในชื่อที่สื่อบ่งบอกถึงความเป็นไทย หรือ “Siam ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า พญาลอรูปงามแห่งป่ามรดกโลก ซึ่งได้รับการเสนอให้เป็น “นกประจำชาติไทย” ด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง


จาก สารบ้านคา

Various kinds of plants.พืชพรรณ


พิศวง ไม้ล้มลุกพิศดารในป่ามรดกโลก


บทบาทอันโดดเด่นอย่างหนึ่งของผืนป่าใหญ่-ดงพญาเย็น มรดกโลกธรรมชาติแห่งใหม่ของไทย ก็คือ เป็นแหล่งมนุษย์ความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความสำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ด้วยระบบนิเวศธรรมชาติหลากรูปแบบทั้งป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบเขา ป่าดงดิบแล้ง ไปจนถึงป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ตลอดจนทุ่งหญ้าและป่าบนเขาหินปูนหรือริมลำธาร

จากระบบนิเวศธรรมชาติอันหลากหลายนี่เอง ทำให้ผืนป่าใหญ่แห่งนี้มีพืชพรรณไม้ที่น่าสนใจมากถึง 2,500 ชนิด โดยในจำนวนนี้เป็นพันธุ์พืชเฉพาะถิ่น (Endemic Plant) ที่ไม่พบในบริเวณอื่นใดของโลกอีกประมาณ 16 ชนิด นอกจากที่ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ แห่งอีสานตอนใต้นี้เท่านั้น และยังมีพืชที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์อีกมากมายอย่างไม้กฤษณา กล้วยไม้ สร้อยระย้า และไม้ล้มลุกประหลาดที่มีชื่อพิศวง (Thismia mirabilis K. Larsen)

พิศวงเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กในวงศ์ THISMIACEAE ที่มีลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 5 ซม. แต่ไม่เกิน 7 ซม. พบขึ้นตามบริเวณที่มีความชุ่มชื้นสูง

ที่น่าสนใจก็คือ พิศวงเป็นพืชที่ไม่มีสารสีเขียว (Chlorophyll) มีลักษณะของการดำรงชีพแบบพืชกินซาก (Saprophyte) โดยพึ่งพาราที่อาศัยอยู่ภายในรากและลำต้น ซึ่งเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินเป็นตัวช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุมาหล่อเลี้ยงต้นพิศวง ส่วนใบของต้นพิศวงมีลักษณะเป็นเกร็ดรูปสามเหลี่ยมค่อนข้างยาว ดอกออกที่ยอด ลักษณะคล้ายกับเห็ดหากมองเผินๆ ขนาดดอกเล็กเพียง 1-1.3 ซม. กลีบเป็นสีน้ำเงินและมีสีขาวขลิบที่ปลาย กลีบดอกมี 2 ชั้น ชั้นนอกมีขนาดเล็ก ส่วนชั้นในเชื่อมติดกัน พบออกดอกในเดือนกรกฎาคม

พันธุ์ไม้ที่ทั้งหายากและประหลาดชนิดนี้สำรวจพบในป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่เป็นครั้งแรก ที่น้ำตกเหวสุวัต เมื่อปี 2506


จาก สารบ้านคา

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Energy conservation.อนุรักษ์พลังงาน


วิธีลดภาวะโลกร้อน

1.ลดการใช้พลังงานในบ้านด้วยการปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆเมื่อไม่ได้ใช้งาน
2.เปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขด ที่เรียกว่า Compact Fluorescent lightbulb [CFL] เพราะจะกินไฟเพียง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดิม และมีอายุการใช้งานนานกว่าหลายปีมาก
3.ขับรถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง ใช้การปั่นจักรยาน รถโดยสารประจำทางหรือการเดินแทนเมื่อต้องไปทำกิจกรรมหรือธุรใกล้ๆบ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึง การใช้น้ำมันลดลง และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
4.เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดเครื่องปรับอากาศ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ
5.มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะการได้รับใบรับรองนั้นจะต้องมีการประเมินสินค้าตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ
6.ขับรถอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะทางไกลการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้
7.ยืดอายุตู้เย็นด้วยการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็นด้วยการใช้อย่างฉลาด ไม่นำอาหารร้อนเข้าตู้เย็น หลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ละลายน้ำแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจำ เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้ำแข็งเกาะและทำความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์
8.ใช้น้ำประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้ำประปาของเทศบาลต่างๆ ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำให้น้ำสะอาด และดำเนินการจัดส่งไปยังอาคารบ้านเรือน
9.ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็ว เป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี
10.ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และการเผากำจัดในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ


KK.

Energy conservation.อนุรักษ์พลังงาน


มาช่วยกัน!!!รักษาสิ่งแวดล้อม

ใช้ผ้าแทนกระดาษทิชชู่
เราใช้กระดาษทิชชู่เช็ดมือ เช็ดหน้า ปีละหลายล้านฟุต ซึ่งหมายถึง การโค่นต้นไม้ลงจำนวนมหาศาล ช่วยกันลดการใช้กระดาษทิชชู่ ด้วยการวางผ้าเช็ดมือไว้ไกล้อ่างล้างมือแล้วใช้ผ้าเช็ดโต๊ะแทนการใช้กระดาษทิชชู่เช็ด



            
           ใช้ถุงพลาสติกซ้ำหลายๆครั้ง
ประหยัดถุงพลาสติกได้โดยการใช้ซ้ำหลายๆครั้งหากถุงพลาสติกสกปรก ก็ให้ทำความสะอาดแล้วแขวนไว้ให้แห้ง เพื่อส่งกลับเข้าโรงงานสำหรับผลิตใหม่




แยกทิ้งเศษกระดาษจากขยะอื่น
โปรดหลีกเลี่ยงการทิ้งเศษกระดาษลงในถังกับขยะอื่นๆเพราะจะทำให้กระดาษเปรอะเปื้อนไขมัน และเศษอาหารจะทำให้เศษกระดาษนั้นนำไปผลิตใหม่อีกไม่ได้




KK.

Bit of knowledge.เกร็ดความรู้


ไขความรู้ 12 นักษัตร

            หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมหนึ่งรอบนักษัตรจึงมี 12 ปี และเพราะเหตุใดจึงนำสัตว์มาเป็นสัญลักษณ์ประจำปี ผมจึงอยากจะไขข้อข้องใจให้ทราบ ด้วยตำนานสนุกๆของแต่ละชนชาติมาเล่าให้ทราบโดยทั่วกันครับ
            เพราะเหตุใด 1 หนึ่งรอบนักษัตรจึงมี 12 ปี
            ชาวจีนได้เล่าที่มาของเรื่องนี้ในพงศาวดารเรื่อง ไคเภ็ก ว่ามนุษย์คนแรกนั้นถือกำเนิดมาจากก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วแตกออกเป็นหินก้อนเล็กๆ 13 ก้อน จากนั้นก้อนหินแต่ละก้อนได้กลายเป็นผู้ชาย 13 คน คนที่เกิดจากหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีนามว่า เทียนอ่องสี ซึ่งได้รับการยกย่องจากน้องๆทั้ง 12 คน ให้เป็นกษัตริย์องค์แรก ส่วนน้องชายแต่ละคนก็ได้รับการนำชื่อไปตั้งเป็นชื่อปี เมื่อครบ 12 ปีจึงนับเป็น 1รอบ
            ที่มาของสัตว์สัญลักษณ์ประจำปีนักษัตร
          ชาวไทลื้อซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่าไทที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจีน มีตำนานเล่าถึงสาเหตุของการนำชื่อสัตว์มาตั้งเป็นชื่อปีควบคู่ไปกับตำนานสงกรานต์ว่า ครั้งเมื่อพระพรหมถูกตัดเศียร ธิดาของพระพรหมทั้ง 12 นาง ก็ได้มีหน้าที่อัญเชิญเศียรของพระพรหมออกแห่ในวันสงกรานต์ของทุกปี โดยธิดาแต่ละนางจะมีสัตว์ที่เป็นพาหนะแตกต่างกัน ได้แก่ หนู วัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา และหมู ชาวไทลื้อจึงนำเอาชื่อสัตว์เหล่านั้นมาตั้งเป็นชื่อปี
            เพราะเหตุใดหมูจึงเป็นปีสุดท้าย
          มีนิทานอันเป็นที่รู้จักกันทั้งในหมู่ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเล่าว่า เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้น บรรดาเหล่ามนุษย์และสัตว์ต่างก็รีบร้อนวิ่งแข่งกันไปเฝ้าพระบรมศพ ซึ่งอันที่จริงแล้ววัววิ่งนำหน้าสัตว์อื่นๆ แต่เมื่อไปถึงที่หมาย หนูซึ่งแอบเกาะหลังวัวได้กระโจนข้ามหัววัวไป จึงกลายเป็นสัตว์ชนิดแรกที่ได้เฝ้าพระบรมศพ หนูจึงได้รับการยกย่องให้เป็นสัตว์ประจำปีแรกของรอบปี ตามมาด้วยวัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา และหมูซึ่งมาถึงเป็นลำดับสุดท้าย
            มีปีหนู แต่ทำไมถึงไม่มีปีแมว
          นิทานของชาวจีนและญี่ปุ่นเล่าว่า ขณะที่สัตว์ต่างๆรีบร้อนจะไปเฝ้าพระบรมศพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น แมวมัวแต่นอนหลับอยู่จึงไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย แต่กระนั้นในชื่อปีนักษัตรของเวียดนามกลับปรากฎชื่อ “ปีแมว” แทนปีกระต่าย
            ชาวล้านนาบอกว่าปีหมูคือปีช้างต่างหาก
            คนไทยล้านนาไม่มีปีกุน แต่กลับมีปีช้างหรือที่ภาษาล้านนาเรียกว่า เปิ้งจ๊าง แทน ทั้งนี้ก็น่าจะเนื่องมาจากชาวล้านนาเรียกชื่อปีตามแบบอินเดีย ซึ่งใช้ช้างเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำปีสุดท้ายในรอบปีนักษัตร ชาวล้านนายังเชื่ออีกว่าพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีช้าง ได้แก่ พระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย
            นิทานไทย
            ชนชาติไทยก็มีนิทานเล่ามูลเหตุการณ์ของการนำชื่อสัตว์ 12 ชนิด ไปตั้งเป็นชื่อปีเช่นกัน ใน “ตำราเฉลิมไตรภพ” เล่าว่าพระอิศวร พระแม่อุมา พระพรหม และพระนารายณ์ดำริว่าจะกำหนดวันเวลาให้แก่มนุษย์ จึงได้สร้างสัตว์ 12 ชนิด เริ่มจากหนู วัว เสือ เป็นลำดับไปจนถึงหมู แล้วใช้ชื่อของสัตว์เหล่านั้นเป็นชื่อเรียกปีแต่ละปี

            การที่ชนชาติในเอเชียหลายกลุ่มต่างก็นำสัตว์มาเป็นสัญลักษณ์ประจำปีนักษัตร แสดงให้เห็นว่าชนชาติต่างๆนั้นได้ติดต่อสัมพันธ์กัน จึงได้มีนิทานอธิบายที่มาของชื่อปีที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนั้นการผูกนิทานขึ้นมาอธิบายเรื่องเหล่านี้ตลอดจนการทำนายดวงชะตาของผู้ที่เกิดในปีนักษัตรต่างๆ ยังสะท้อนถึงจินตนาการของมนุษย์ ในการอธิบายความคิดความเชื่อที่ส่งผลต่อชีวิตอีกด้วย
ผมหวังว่าจะไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้ทราบไม่น้อยนะครับ หากผู้อ่านมีความคิดเห็นหรือความรู้เพิ่มเติม สามารถแสดงความคิดเห็นให้ผมและผู้อ่านท่านอื่นทราบได้ครับ

อ้างอิงจาก สารบ้านคา